ราษฎรท่านใดได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ใช้อำนาจหรือตำแหน่งหน้าที่ของตน
ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราษฎร อาทิเช่น
§ เจ้าหน้าที่ที่ดินเพิกเฉยไม่ไปรังวัดแบ่งแยกโฉนดที่ดินให้
§ เจ้าหน้าที่กลั่นแกล้งไม่ยอมออกใบอนุญาตมีและใช้อาวุธปืนให้โดยไม่มีเหตุอันสมควร
§ เจ้าหน้าที่ออกคำสั่งเพิกถอน
นส.3ที่ชาวบ้านได้มาโดยชอบโดยไม่ปรากฏเหตุผลตามกฎหมาย
โดยที่จะมุ่งแก้ไขปัญหาการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่ชอบ
หรือการไม่ปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ
จึงได้กำหนดให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ หรือที่เรียกว่า ครท.
โดยมีหน้าที่หลักในการวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์ที่ราษฎรได้รับความเดือดร้อนจากการปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ
การร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์มีข้อดีอย่างไร
1. การร้องทุกข์ต่อ ครท ไม่จำต้องมีทนายความ
ราษฎรผู้ได้รับความเดือดร้อนสามารถไปร้องทุกข์ต่อ ครท.
ได้โดยตรงด้วยตนเอง โดยจะต้องจัดทำคำร้องทุกข์ให้เป็นรายลักษณ์อักษร
แต่หากราษฎรประสงค์จะแต่งทนายความเข้ามาเป็นตัวแทน กฎหมายก็รับรองให้ทำได้
2. ระบบการพิจารณาของ
ครท.ก็จะดำเนินการไปอย่างรวดเร็ว การวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์ต่างๆจะใช้เวลาไม่นาน
มากนักเมื่อเทียบกับกระบวนการพิจารณาในศาล
3. ใครบ้างที่จะร้องทุกข์ได้และจะร้องทุกข์ได้ในเรื่องใดบ้าง พระราชบัญญัติคณะกรรมการกฤษฎีกากำหนดว่า
บุคคลทุกคนย่อมมีสิทธิจะร้องทุกข์ต่อ
ครท. ได้แต่จะต้องปรากฏด้วยว่า
บุคคลที่จะร้องทุกข์นั้นเป็นผู้ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อน
หรืออาจจะเสียหายหรือเดือดร้อนโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้
และต้องปรากฏว่าความเสียหายหรือเดือดร้อนนั้น
เกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
-
ละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ
หรือ
-
ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร
หรือ
กระทำการนอกเหนืออำนาจหน้าที่
หรือขัด หรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
กำหนดอายุความร้องทุกข์
ราษฎรคนใดจะมาร้องทุกข์เรื่องการปฏิบัติราชการของเจ้าหน้าที่ต่อ
ครท. จะต้องดำเนินการภายใน 90 วันนับแต่วันที่ตนรู้
หรือควรได้รู้เหตุแห่งการร้องทุกข์นั้นๆ
เช่นเจ้าหน้าที่ที่ดินเพิกถอน นส.3
ของผู้ร้อง(ราษฏร)ก็ต้องนับแต่วันที่เจ้าหน้าที่แจ้งคำสั่งเพิกถอนดังกล่าวไปให้ทราบ
การร้องทุกข์ต้องทำอย่างไร
เมื่อราษฎรได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย อันเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐ
และประสงค์จะร้องทุกข์ต่อ ครท. ต้องทำคำร้องทุกข์เป็นหนังสือโดย
1. มีชื่อและที่อยู่ของผู้ร้องทุกข์
2. ระบุเรื่องอันเป็นเหตุแห่งการร้องทุกข์พร้อมทั้งข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ตามสมควรเกี่ยวกับเรื่องที่ร้องทุกข์
3. ใช้ถ้อยคำสุภาพ
4. ลงลายมือชื่อผู้ร้องทุกข์
ถ้าเป็นการยื่นร้องทุกข์แทนผู้อื่นจะต้องแนบใบมอบฉันทะให้ร้องทุกข์มาด้วย
ในการยื่นร้องทุกข์
อาจจะมาร้องทุกข์ ณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ถนนพระอาทิตย์ กรุงเทพมหานคร
10200 หรือจะยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัด
นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์
เพื่อให้บุคคลเหล่านี้ส่งเรื่องร้องทุกข์ไปยัง ครท. ต่อไป
นอกจากนี้ กฎหมายยังกำหนดให้มีการร้องทุกข์ทางไปรษณีย์ได้โดยให้จัดคำร้องทุกข์ตามหลักเกณฑ์ข้างต้น
ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนลงทะเบียนไปยังหน่วยงานธุรการ ของ ครท.คือ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ถนนพระอาทิตย์กรุงเทพมหานคร 10200
อนึ่ง
แม้ได้มีการร้องทุกข์ตามขั้นตอนจนมีคำวินิจฉัยร้องทุกข์ออกมาแล้ว
หากคำวินิจฉัยไม่เป็นไปตามความต้องการของผู้ร้อง คือไม่มีการปัดเป่าความเดือดร้อน
และผู้ร้องไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของ ครท. ก็ยังมีสิทธินำเรื่องขึ้นฟ้องร้องเป็นคดีต่อศาลยุติธรรมในคดีแพ่งหรือคดีอาญาได้โดยไม่ต้องห้าม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น