J.Kongsoy
วันอังคารที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2557
วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
บำเหน็จบำนาญ
บำเหน็จบำนาญ
v “บำเหน็จ”
หมายความว่า เงินตอบแทนความชอบที่ได้รับราชการมาซึ่งจ่ายครั้งเดียว
v “บำนาญ”
หมายความว่า เงินตอบแทนความชอบที่ได้รับราชการมา ซึ่งจ่ายเป็นรายเดือน
สิทธิในบำเหน็จบำนาญปกติ
สิทธิในบำเหน็จหรือบำนาญเป็นสิทธิเฉพาะตัว
จะโอนไม่ได้
ข้าราชการมีสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญปกติด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
1. เหตุทดแทน
บำเหน็จบำนาญเหตุทดแทนนั้น ให้แก่ข้าราชการซึ่งออกจากประจำการเพราะเลิกหรือ
ยุบตำแหน่ง
หรือมีคำสั่งให้ออกโดยไม่มีความผิด ฯ
2.
บำเหน็จบำนาญเหตุทุพพลภาพ
คือให้แก่ข้าราชการผู้ป่วย เจ็บทุพพลภาพ ซึ่งแพทย์ที่ทางราชการ
รับรองได้ตรวจและแสดงความเห็นว่า
ไม่สามารถที่รับราชการในตำแหน่งหน้าที่ซึ่งปฏิบัติอยู่นั้นต่อไป
3.
บำเหน็จบำนาญแหตุสูงอายุนั้น
ให้แก่ข้าราชการผู้มีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ แล้วถ้าข้าราชการผู้ใด
มีอายุครบห้าสิบปีบริบูรณ์แล้ว
ประสงค์จะลาออกจากราชการก็ให้ผู้มีอำนาจสั่งอนุญาตให้ลาออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญเหตุสูงอายุได้
4.
บำเหน็จบำนาญเหตุรับราชการนานนั้น
ให้แก่ข้าราชการซึ่งมีเวลาราชการสำหรับคำนวณบำเหน็จ
บำนาญครบสามสิบปีบริบูรณ์แล้ว
ถ้าข้าราชการผู้ใดมีเวลาราชการสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญครบยี่สิบห้าปีบริบูรณ์แล้วประสงค์
จะลาออกจากราชการก็ให้ผู้มีอำนาจสั่งอนุญาตให้ลาออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญเหตุรับราชการนานได้
5. ข้าราชการผู้ซึ่งมีเวลาราชการสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญไม่ถึงสิบปีบริบูรณ์มีสิทธิได้บำเหน็จ
6. ข้าราชการผู้ซึ่งมีเวลาราชการสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญตั้งแต่สิบปีบริบูรณ์ขึ้นไปมีสิทธิได้รับบำนาญ
เวลาราชการและการนับเวลาราชการ
คำนวณบำเหน็จบำนาญ
1. ข้าราชการซึ่งมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์แล้ว
เป็นอันพ้นจากเวลาราชการเมื่อสิ้นปีงบประมาณที่ผู้นั้นมี
อายุครบหกสิบปีบริบูรณ์
2.
การนับเวลาราชการสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญนั้น
ให้นับแต่วันรับราชการให้นับแต่วันรับ
ราชการ
รับเงินเดือนจากเงินงบประมาณประเภทเงินเดือน
ซึ่งมิใช่อัตราข้าราชการวิสามัญหรือลูกจ้าง
ข้าราชการซึ่งทำงานหรือรับราชการก่อนเกษียณอายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์
ให้เริ่มนับเวลาราชการสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญตั้งแต่วันทีมีอายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์เป็นต้นไป
3.
เวลาป่วยหรือลา
หรือต้องพักราชการ ซึ่งได้รับอนุญาตให้รับเงินเดือนเต็มนั้น สำหรับการคำนวณ
บำเหน็จบำนาญให้นับเหมือนเต็มเวลาราชการ
เวลาป่วยหรือลาหรือต้องพักราชการ
หรือมิได้อยู่รับราชการ ซึ่งมิได้รับอนุญาตให้รับเงินเดือน
ไม่นับเป็นเวลาราชการสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญ
4.
ข้าราชการซึ่งทางราชการคัดเลือกหรือสอบคัดเลือกให้ไปดูงาน
หรือศึกษาวิชาในต่างประเทศ ให้นับ
เวลาสำหรับการคำนวณบำเหน็จบำนาญในระหว่างนั้นเหมือนเต็มเวลาราชการ
5.
เวลาราชการสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญให้นับแต่จำนวนปี
เศษของปีถ้าถึงครึ่งปีให้นับเป็นหนึ่งปี
การนับเวลาตามวรรคก่อน
สำหรับเดือนหรือวัน
ให้คำนวณตามวิธีการจ่ายเงินเดือนและให้นับสิบสองเดือนเป็นหนึ่งปี สำหรับจำนวนวัน
ถ้ามีการรวมกันหลายระยะ ให้นับสามสิบวันเป็นหนึ่งเดือน
วิธีคำนวณบำเหน็จบำนาญ
1.
ในการคำนวณบำเหน็จบำนาญ
ให้ตั้งเงินเดือนเดือนสุดท้ายเป็นเกณฑ์คำนวณ แต่ถ้าเป็นการคำนวณ
บำเหน็จบำนาญของข้าราชการ
ซึ่งพ้นจากราชการเพราะเกษียณอายุตาม มาตรา 19 เงินเดือนสุดท้ายให้หมายความรวมถึงเงินเดือนที่ได้เลื่อนในวันสุดท้ายของปีงบประมาณนั้นด้วย
2. วิธีคำนวณบำเหน็จบำนาญ
ให้กระทำดังนี้
1.1 สำหรับบำเหน็จ
ให้ตั้งเงินเดือนเดือนสุดท้ายคูณด้วยจำนวนปีเวลาราชการ
1.2 สำหรับบำนาญ
ให้ตั้งเงินเดือนเดือนสุดท้ายหารด้วยห้าสิบคูณด้วยจำนวนปีเวลาราชการ
ความผิดฐานหมิ่นประมาท(ตามประมวลกฎหมายอาญา)
ความผิดฐานหมิ่นประมาท(ตามประมวลกฎหมายอาญา)
ความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา นั้น
จะต้องได้ความว่าการใส่ความดังกล่าวได้ระบุถึงตัวบุคคลผู้ถูกใส่ความเป็นการยืนยันแน่นอน หรือหากไม่ระบุถึงผู้ที่ถูกใส่ความโดยตรง
การใส่ความนั้นก็ต้องได้ความว่าหมายถึงบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
ส่วนการใส่ความที่เป็นถ้อยคำหรือข้อความอันจะทำให้ผู้ที่ถูกใส่ความต้องเสียชื่อเสียง
ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังก็มิใช่จะพิจารณา หรือวัดจากความรู้สึกของผู้ถูกใส่ความเป็นสำคัญ
เพราะอารมณ์ของบุคคลแตกต่างกันต้องพิจารณาจากการรับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึก
และความเข้าใจในถ้อยคำหรือข้อความของวิญญูชนทั่วๆไป
หมิ่นประมาท นอกจากจะมีความผิดทางอาญาแล้ว
ผู้กระทำผิดยังต้องรับผิดในทางแพ่ง ซึ่งต้องชดใช้ค่าสินไหม ทดแทนแก่ผู้เสียหาย
โทษของความผิดฐานหมิ่นประมาท
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ...ระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี
หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ตัวอย่างความผิดฐานหมิ่นประมาท
นาย
ก พูดกับนาย ข ว่า “เธอรู้หรือเปล่านางสาว ค เป็นชู้กับ นาย ง” นาย ก มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
นางสาว ค และ นาย ง นางสาว ค และนาย ง ถือเป็นผู้ได้รับความเสียหาย
ความผิดฐาน
“ดูหมิ่นซึ่งหน้า”
ดูหมิ่นซึ่งหน้า
เป็นการดูหมิ่นผู้ที่ถูกดูหมิ่น และกระทำต่อหน้า
ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีบุคคลที่สามอยู่ด้วย หากมีการ ดูหมิ่นซึ่งหน้าแล้วถือเป็นความผิดสำเร็จทันที ดูหมิ่นซึ่งหน้า คือคำด่าที่เป็นคำหยาบ
ที่เป็นการเหยียดหยาม เช่น ไอเหี้ย ไอสัตว์
เป็นต้น การดูหมิ่นซึ่งหน้ามีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน
1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ตัวอย่าง นาย ก เห็นนาย ข เดินผ่านมา ก็พูดใส่ขึ้นว่า
“ไอเหี้ย” ซึ่งในเวลาดังกล่าวไม่มีใครเดินผ่านมาเลย และนาย ก
ก็ยังมีเรื่องบาดหมางอยู่กับ นาย ข ด้วย นาย ก มีความผิด ฐานดูหมิ่นซึ่งหน้า
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับที่ดิน
ถ้าปลูกต้นข้าวหรือธัญพืชซึ่งเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้คราวเดียวหรือหลายคราวต่อปีโดยสุจริต
เจ้าขอที่ดินต้องยอมให้ผู้ปลูกข้าวหรือธัญพืชโดยสุจริตนั้น ครอบครองที่ดินจนกว่าจะเก็บเกี่ยวเสร็จ
แต่ต้องใช้เงินแก่เจ้าของที่ดินตามเกณฑ์ค่าเช่าที่ดินนั้น คือ เจ้าของที่ดินจะใช้ค่าตอบแทนแก่ผู้ปลูกข้าวหรือธัญพืช
แล้วครอบครองที่ดินคืนทันทีก็ได้
แต่ถ้าปลูกไม่สุจริต เช่น
รู้อยู่แล้วว่าเป็นที่ของคนอื่นก็ยังปลูกต้นข้าวลงไป
เจ้าของที่ดินก็สามารถสั่งให้ผู้ปลูกถอนต้นข้าวไปได้
ถ้ามีกิ่งไม้จากที่ดินข้างเคียงล้ำเข้ามาในที่ดินของตน
เจ้าของที่ดินมีสิทธิ์อย่างไร
เจ้าของที่ดินต้องบอกให้เจ้าของต้นไม้นั้นตัดภายในเวลาที่สมควร
ถ้าบอกแล้วเขายังเพิกเฉย ก็ตัดเองได้ และถ้าเป็นรากไม้ที่ล้ำเข้ามา เจ้าของที่ดินตัดเองได้ทันทีโดยไม่ต้องบอกก่อน
ถ้าที่ดินแปลงหนึ่งทำให้เวลาฝนตกน้ำไหลท่วมที่ดินแปลงต่ำ
ผลจะเป็นอย่างไร
ถ้าเป็นเองตามธรรมชาติก็ต้องเป็นไปตามธรรมชาติ เจ้าของที่ดินแปลงต่ำไม่มีทางทำอะไรได้
แต่ถ้าที่ดินแปลงสูงเกิดขึ้นจากเจ้าของที่ดินถมเองจนสูงกว่าแปลงอื่นทำให้น้ำไหลท่วมที่ดินแปลงต่ำ
เจ้าของที่ดินมีสิทธิฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้
และเรียกให้เจ้าของที่ดินแปลงสูงทำทางระบายน้ำได้โดยออกค่าใช้จ่ายเอง
ถ้าเจ้าของที่ดินใช้ที่ดินของตนจนก่อความเดือดร้อนแก่เจ้าของที่ดินแปลงอื่นๆผลจะเป็นอย่างไร
ตัวอย่าง
นาย ก. ซื้อบ้านจัดสรรแปลงหนึ่งซึ่งมีวัตถุประสงค์ใช้เป็นที่อยู่อาศัย แต่แทนที่
นาย ก.จะใช้อยู่อาศัย กลับตั้งเป็นโรงงานเคาะพ่นสีรถยนต์ส่งเสียงหนวกหู
และทำทั้งวันทั้งคืนจนบ้านข้างเคียงไม่เป็นอันหลับตามปกติได้ เช่นนี้ กฎหมาย ให้สิทธิเจ้าของบ้านข้างเคียงฟ้องร้องค่าเสียหาย
และฟ้องให้ นาย ก.หยุดการดำเนินงานต่อไปได้
ถ้าที่ดินของตนถูกที่ดินแปลงอื่นล้อมรอบจนออกไปสู่ทางสาธารณะไม่ได้
เจ้าของที่ดินที่ถูกล้อมรอบจะทำอย่างไรบ้าง
ที่ดินแปลงใดถูกที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนออกทางสาธารณะไม่ได้
เจ้าของที่ดินจะผ่านที่ดินซึ่งล้อมรอบอยู่ออกไปสู่สาธารณะได้เรียกว่า
“เรียกว่าทางจำเป็น”ที่ดินและวิธีผ่านออกไปนั้นต้องเลือกให้พอสมควรแก่ความจำเป็นที่จะใช้ผ่าน
โดยคำนึงถึงที่ดินที่ล้อมอยู่ให้ได้รับความเสียหายน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
ถ้าจำเป็นจะสร้างถนนผ่านก็ได้
แต่ทั้งนี้เจ้าของที่ดินที่ถูกล้อมจะต้องเสียค่าตอบแทนในการใช้ทางผ่านให้แก่เจ้าของที่ดินที่ตนผ่านด้วย
การร้องทุกข์ในเรื่องที่ได้รับความเดือดร้อนจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์
ราษฎรท่านใดได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ใช้อำนาจหรือตำแหน่งหน้าที่ของตน
ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราษฎร อาทิเช่น
§ เจ้าหน้าที่ที่ดินเพิกเฉยไม่ไปรังวัดแบ่งแยกโฉนดที่ดินให้
§ เจ้าหน้าที่กลั่นแกล้งไม่ยอมออกใบอนุญาตมีและใช้อาวุธปืนให้โดยไม่มีเหตุอันสมควร
§ เจ้าหน้าที่ออกคำสั่งเพิกถอน
นส.3ที่ชาวบ้านได้มาโดยชอบโดยไม่ปรากฏเหตุผลตามกฎหมาย
โดยที่จะมุ่งแก้ไขปัญหาการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่ชอบ
หรือการไม่ปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ
จึงได้กำหนดให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ หรือที่เรียกว่า ครท.
โดยมีหน้าที่หลักในการวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์ที่ราษฎรได้รับความเดือดร้อนจากการปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ
การร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์มีข้อดีอย่างไร
1. การร้องทุกข์ต่อ ครท ไม่จำต้องมีทนายความ
ราษฎรผู้ได้รับความเดือดร้อนสามารถไปร้องทุกข์ต่อ ครท.
ได้โดยตรงด้วยตนเอง โดยจะต้องจัดทำคำร้องทุกข์ให้เป็นรายลักษณ์อักษร
แต่หากราษฎรประสงค์จะแต่งทนายความเข้ามาเป็นตัวแทน กฎหมายก็รับรองให้ทำได้
2. ระบบการพิจารณาของ
ครท.ก็จะดำเนินการไปอย่างรวดเร็ว การวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์ต่างๆจะใช้เวลาไม่นาน
มากนักเมื่อเทียบกับกระบวนการพิจารณาในศาล
3. ใครบ้างที่จะร้องทุกข์ได้และจะร้องทุกข์ได้ในเรื่องใดบ้าง พระราชบัญญัติคณะกรรมการกฤษฎีกากำหนดว่า
บุคคลทุกคนย่อมมีสิทธิจะร้องทุกข์ต่อ
ครท. ได้แต่จะต้องปรากฏด้วยว่า
บุคคลที่จะร้องทุกข์นั้นเป็นผู้ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อน
หรืออาจจะเสียหายหรือเดือดร้อนโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้
และต้องปรากฏว่าความเสียหายหรือเดือดร้อนนั้น
เกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
-
ละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ
หรือ
-
ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร
หรือ
กระทำการนอกเหนืออำนาจหน้าที่
หรือขัด หรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
กำหนดอายุความร้องทุกข์
ราษฎรคนใดจะมาร้องทุกข์เรื่องการปฏิบัติราชการของเจ้าหน้าที่ต่อ
ครท. จะต้องดำเนินการภายใน 90 วันนับแต่วันที่ตนรู้
หรือควรได้รู้เหตุแห่งการร้องทุกข์นั้นๆ
เช่นเจ้าหน้าที่ที่ดินเพิกถอน นส.3
ของผู้ร้อง(ราษฏร)ก็ต้องนับแต่วันที่เจ้าหน้าที่แจ้งคำสั่งเพิกถอนดังกล่าวไปให้ทราบ
การร้องทุกข์ต้องทำอย่างไร
เมื่อราษฎรได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย อันเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐ
และประสงค์จะร้องทุกข์ต่อ ครท. ต้องทำคำร้องทุกข์เป็นหนังสือโดย
1. มีชื่อและที่อยู่ของผู้ร้องทุกข์
2. ระบุเรื่องอันเป็นเหตุแห่งการร้องทุกข์พร้อมทั้งข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ตามสมควรเกี่ยวกับเรื่องที่ร้องทุกข์
3. ใช้ถ้อยคำสุภาพ
4. ลงลายมือชื่อผู้ร้องทุกข์
ถ้าเป็นการยื่นร้องทุกข์แทนผู้อื่นจะต้องแนบใบมอบฉันทะให้ร้องทุกข์มาด้วย
ในการยื่นร้องทุกข์
อาจจะมาร้องทุกข์ ณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ถนนพระอาทิตย์ กรุงเทพมหานคร
10200 หรือจะยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัด
นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์
เพื่อให้บุคคลเหล่านี้ส่งเรื่องร้องทุกข์ไปยัง ครท. ต่อไป
นอกจากนี้ กฎหมายยังกำหนดให้มีการร้องทุกข์ทางไปรษณีย์ได้โดยให้จัดคำร้องทุกข์ตามหลักเกณฑ์ข้างต้น
ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนลงทะเบียนไปยังหน่วยงานธุรการ ของ ครท.คือ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ถนนพระอาทิตย์กรุงเทพมหานคร 10200
อนึ่ง
แม้ได้มีการร้องทุกข์ตามขั้นตอนจนมีคำวินิจฉัยร้องทุกข์ออกมาแล้ว
หากคำวินิจฉัยไม่เป็นไปตามความต้องการของผู้ร้อง คือไม่มีการปัดเป่าความเดือดร้อน
และผู้ร้องไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของ ครท. ก็ยังมีสิทธินำเรื่องขึ้นฟ้องร้องเป็นคดีต่อศาลยุติธรรมในคดีแพ่งหรือคดีอาญาได้โดยไม่ต้องห้าม
ตัวอย่างความผิดทางวินัย(ชู้สาว)
กรณีความผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ฉันชู้สาวระหว่างครูชายไม่โสดกับครูสตรีโสด
นายโย
ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
นางสาวเย
ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
กระทำความผิดวินัยเรื่อง
มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวต่อกันจนทำให้ครอบครัวของนายโยได้รับความเดือดร้อน
แตกแยก
ข้อเท็จจริงได้ความว่านายโยได้จดทะเบียนสมรสกับนางปลา มีบุตรด้วยกัน 3 คน เนื่องจากนางปลา
ติดการพนันด่านายโยทุกวัน
ทำให้นายโยเกิดความกดดัน เมื่อมาพบนางเยที่ทำงานร่วมกันจนสนิทสนมชอบพอกัน
จนมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวถึงขั้นได้เสีย
แล้วมาอาศัยอยู่บ้านที่ร่วมกันปลูกอย่างเปิดเผย
แต่นายโยก็ไม่ได้ละทิ้ง
ครอบครัวส่งเงินให้บุตรสาวเล่าเรียนมาตลอด
มาตรา
94 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
พ.ศ.2547
กรณีกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
โทษปลดออกจากราชการทั้งสองราย
มติ รับทราบ
กรณีความผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ฉันชู้สาวระหว่างครูชายไม่โสดกับครูสตรีไม่โสด
นายสมตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
กระทำผิดวินัยในเรื่อง
มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับข้าราชการครูโรงเรียนเดียวกัน
ในโรงแรมม่านรูดและสามีของนางดาวตามไปพบ
โดยนายสมและนางดาว ได้อ้างถึงสาเหตุในการเข้าพักเป็นเพราะ
นายสมมีอาการไอและเจ็บหน้าอกอย่างแรงในขณะที่ขับรถยนต์พานางดาวกลับจากการสัมมนาจำเป็นจะต้องหา
ที่พักนอนแบบสบายๆ
ซึ่งหากขับรถต่อไปอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้โดยปกติของวิญญูชน หากมีอาการไอและเจ็บ
หน้าอก
ควรจะต้องรีบไปพบแพทย์หรือเข้าโรงพยาบาล หากอาการไม่หนักหนาถึงขนาดก็ยังสามารถไปจอดรถที่ปั๊มน้ำมันและเอนเบาะนอนพักผ่อนได้โดยไม่จำต้องเข้าโรงแรมม่านรูด ประกอบกับสามีของนางดาวได้ติดตาม
ดูพฤติกรรมของบุคคลทั้งสองมาตลอดทาง
แสดงให้เห็นว่าบุคคลทั้งสองมีพฤติกรรมเป็นที่น่าสงสัยชวนให้เข้าใจได้ว่า
มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกันมาก่อนแล้วก่อนพากันเข้าโรงแรมในวันเกิดเหตุ
มาตรา
98 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 ประกอบมาตรา
134
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
พ.ศ. 2547
กรณีกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
โทษปลดออกจากราชการ
มติก.ค.ศ. เพิ่มโทษจากลดขั้นเงินเดือน
1 ขั้น เป็นโทษปลดออกจากราชการ
ความผิดฐานยักยอกทรัพย์
ลักษณะการกระทำ
ครอบครองทรัพย์ของผู้อื่น หรือทรัพย์ซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย
เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือบุคคลที่สามโดยทุจริต(บุคคลที่สามคือบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ยักยอกและเจ้าของทรัพย์)
การครอบครองทรัพย์
หมายถึง การยึดทรัพย์นั้นไว้กับตนตามสภาพความเป็นจริง และขณะเดียวกันก็เป็นการยึดถือไว้เพื่อหวังเอาเป็นของตัวเองการยึดถือไว้ไม่จำต้องถือไว้ในมือ
เพียงอยู่ในอำนาจการคุ้มครองดูแลและสามารถใช้สอยทรัพย์นั้นได้ ก็เป็นการครอบครองแล้ว
ตัวอย่าง
(1)นางสาวแดงฝากสร้อยของนายดำไว้กับนายขาวเพื่อเอาไปคืนนายดำ แต่นายขาวกลับเอาสร้อยไปขาย นายขาวมีความผิดฐานยักยอก
ตัวอย่าง(2)นาย ก. เช่าซื้อรถจักรยานยนต์จากนาย
ข. ต่อมา นาย ก.ไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามที่ตกลงกันไว้
และยังเอารถจักรยานยนต์ที่เช่าซื้อไปขายให้ผู้อื่น นาย ก. มีความผิดฐานยักยอกเพราะตามกฏหมายกรรมสิทธิ์ในรถยัง
ไม่ตกเป็นของนาย
ก. นาย ก.ไม่มีอำนาจที่จะเอาไปขายหรือจำหน่ายการที่
นาย ก. เอาไปขายเสีย เป็นการเบียดบังเอาทรัพย์ของผู้อื่นโดยทุจริต
ยักยอกทรัพย์สินหาย
ลักษณะการกระทำ
ถ้าทรัพย์นั้นได้ตกมาอยู่ในความครอบครองของผู้กระทำความผิด
เพราะผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิด หรือเป็นทรัพย์สินหาย
ซึ่งผู้กระทำความผิดเก็บได้
ตัวอย่าง นาย ก.ขับขี้รถจักรยานยนต์เพื่อไปทำงาน
ระหว่างทางพบเห็นกระเป๋าสตางค์ จึงได้หยุดรถ
แล้วเก็บกระเป๋าสตางค์
แล้วนำเงินในกระเป๋าไปเป็นของตนเอง นาย ก.มีความผิดฐานยักยอกทรัพย์สินหาย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)